เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 รัฐบาลอังกฤษได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายใหม่ห้ามจำหน่ายทิชชูเปียกที่มีส่วนผสมของพลาสติก เพื่อแก้ปัญหามลพิษทางน้ำและป้องกันปัญหาบนเปื้อนของไมโครพลาสติกในระบบนิเวศทางน้ำ โดยกฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบในช่วงต้นปี 2570

ทิชชูเปียกที่มีพลาสติกเป็นหนึ่งในสาเหตุของแหล่งปนเปื้อนสิ่งแวดล้อมทางน้ำ จากการสำรวจของ Defra Beach Litter Monitoring Data ระบุว่าช่วงปี 2558-2563 พบขยะทิชชูเปียกเฉลี่ย 20 ชิ้นต่อความยาวชายหาด 100 เมตรทั่วสหราชอาณาจักร ทิชชูเปียกสามารถแตกตัวเป็นไมโครพลาสติกได้ ซึ่งเมื่อถูกทิ้งในชักโครกเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำและมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร ขณะเดียวกัน งานวิจัยของ UK Water Industry Research พบว่า 94% ของการอุดตันในระบบน้ำเสียเกิดจากทิชชูเปียก โดยรัฐบาลอังกฤษใช้เงินในการซ่อมแซมการอุดตันของระบบน้ำเสียราว 200 ล้านปอนด์ต่อปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าน้ำของครัวเรือนสูงขึ้น

รัฐมนตรีและผู้แทนด้านสิ่งแวดล้อมระบุว่ากฎหมายนี้เป็นก้าวสำคัญในการลดมลพิษสิ่งแวดล้อม และย้ำว่าประชาชนควรทิ้งทิชชูเปียกลงถังขยะแม้ว่าจะถูกระบุว่า “ทิ้งลงชักโครกได้ (Flushable)” ก็ตามเพื่อช่วยป้องกันปัญหาท่ออุดตันและมลพิษ ในส่วนของภาคเอกชนเช่น Boots ซึ่งเลิกจำหน่ายทิชชูเปียกพลาสติกตั้งแต่ปี  2566 สนับสนุนกฎหมายนี้ โดยมองว่าเป็นมาตรการระดับประเทศที่มีผลต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค องค์กรด้านสิ่งแวดล้อม เช่น Thames21 เห็นด้วยว่ากฎหมายใหม่เป็นก้าวสำคัญในการลดไมโครพลาสติกและเรียกร้องให้มีมาตรการเสริมอื่นเพื่อแก้ปัญหาเชิงระบบในระยะยาว

กฎหมายใหม่ของอังกฤษนี้ครอบคลุมเฉพาะทิชชูเปียกที่มีพลาสติก โดยมีข้อยกเว้นให้สามารถใช้ได้เฉพาะในงานทางการแพทย์ นอกจากนี้รัฐบาลอังกฤษจะพิจารณากฎหมายเพิ่มเติมเพื่อลดการผลิต หลังจากการห้ามจำหน่ายมีผลแล้ว ทั้งนี้รัฐบาลเวลส์ได้ออกกฎหมายลักษณะเดียวกันแล้ว ขณะที่ไอร์แลนด์เหนือและสกอตแลนด์คาดว่าจะออกกฎหมายภายในสิ้นปีเดียวกัน เพื่อให้การควบคุมเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั่ว
สหราชอาณาจักร

ที่มา BBC News, GOV.UK

 

ข้อมูลเพิ่มเติม/ความเห็น สคต.

การประกาศห้ามจำหน่ายทิชชูเปียกที่มีส่วนผสมของพลาสติกในสหราชอาณาจักรจะส่งผลให้ความต้องการทิชชูเปียกที่ปราศจากพลาสติกเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากสินค้าประเภทดังกล่าวยังสามารจำหน่ายได้ตามปกติและได้รับการยอมรับว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า จึงอาจจะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยพิจารณาพัฒนาหรือปรับกระบวนการผลิตสินค้าโดยใช้เส้นใยธรรมชาติ หรือเส้นใยที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ควบคู่กับการให้ความสำคัญต่อการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดทุกขั้นตอนการผลิต

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการควรคำนึงถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ ใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ลดการใช้พลาสติก และลดปริมาณขยะจากบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของสหราชอาณาจักรและความคาดหวังของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

ในช่วงที่ตลาดสหราชอาณาจักรกำลังปรับตัวตามกฎหมายใหม่ ผู้ค้าภายในประเทศอาจมองหาผู้ผลิตจากต่างประเทศที่สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ทิชชูทั้งนี้ เนื่องจากสหราชอาณาจักรมีการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ผู้ประกอบการควรศึกษาระบบฉลากสินค้าให้ถ่องแท้ และตรวจสอบให้มั่นใจว่ามีการระบุข้อความ “ห้ามทิ้งลงโถสุขภัณฑ์ (Do not flush, Bin only)” แม้ผลิตภัณฑ์จะไม่มีส่วนผสมของพลาสติกก็ตาม เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนดตามกฎหมายใหม่อย่างครบถ้วน

สรุปโดย สคต. ลอนดอน
ข่าวสัปดาห์ 13 -19 ธันวาคม – Plastic wet wipe